top of page
Writer's pictureADGES

Creating 'Strategic Self-Awareness'

สมมุติว่าคุณเป็นโค้ชชื่อดังที่กำลังคุยกับ CHRO ที่อยู่ในสายที่กำลังขอให้คุณช่วยโค้ช CEO ท่านหนึ่งที่มีชื่อเสียงระดับโลก สิ่งที่เกิดขึ้นกับ CEO ท่านนั้นคือเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว CEO กำลังเล่น twitter อยู่ดีๆแล้วมีคำขอจากทางบ้านให้ CEO ช่วยเหลือเด็กๆทีมหมูป่าที่ติดถ้ำที่เมืองไทย ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นที่สนใจจากคนทั่วโลก เรียกว่าบอลโลกแทบจะไม่เป็นอันดูแล้วมารอลุ้นกับทีม หมูป่า academy ว่าจะออกจากถ้ำได้ไหม CEO ท่านนี้ขึ้นชื่อมากว่าเป็นคนเก่งและกล้า ชอบแก้ไขปัญหายากๆเช่น ส่งคนไปดาวอังคาร ทำระบบขนส่งที่ใช้ความเร็วสูง CEO ก็บอกแฟนทางบ้านว่า ได้เลยตอนนี้กำลังให้ทีมออกแบบเรือดำนำ้ขนาดเล็ก แล้วเดียวจะให้ไปส่งที่เมืองไทย

อีกไม่กี่วัน CEO ก็กลับมา twitter บอกว่ามาส่งให้เรียบร้อยแล้ว มาด้วยตัวเองไปถึงโถงสาม แถมยังบอกอีกว่า เมืองไทยเนี่ยสวยจริงๆ แถมก่อนกลับได้เจอกับนายกอีก ซึ่งแน่นอนระดับ CEO ดังขนาดนี้มาส่งการบ้านให้เองยอมทำให้ผู้คนทั่วโลกต่างให้ความสนใจ บ้างก็ชื่นชมในการเป็นคนจริงของ CEO บ้างก็บอกว่า CEO เล่นกับกระแส เผอิญที่ทางทีมกู้ภัยก็ได้ซักซ้อมแผนเอาน้องๆหมูป่าออกมาจากถ้ำโดยใช้วิธีอื่น เลยไม่ได้ใช้อุปกรณ์เรือดำนำ้ที่ CEO เอามาให้ พอหัวหน้าชุดปฏิบัติภารกิจโดยถามว่าทำไมไม่ใช้ ท่านก็บอกว่ามันไม่ค่อยจะ practical สำเร็จภารกิจเรา พอ CEO ท่านนั้นทราบว่ามี comment แบบนี้ CEO เลยบอกว่าหัวหน้าชุดปฏิบัติการไม่ใช่ expert ในเรื่องนี้

ท่ามกลางความดีใจที่ทางทีมนักดำนำ้สามารถนำน้องๆทีมหมูป่าทั้งหมดออกมาจากถ้ำได้สำเร็จ ก็มีนักข่าวไปสำภาษณ์นักดำนำ้ท่านหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการทำภารกิจนี้ให้ประสบความสำเร็จว่า ทำไมไม่ใช้อุปกรณ์ที่คุณ CEO ท่านนี้ทำมาให้ นักดำนำ้ท่านนี้พูดว่าอุปกรณ์ใช้ไม่ได้จริงและทั้งหมดเป็นแค่แผนทางด้านการตลาดที่ต้องการจะเกาะกระแสเท่านั้น เมื่อ CEO ท่านนั้รู้ถึงกับเบรคแตกพร้อมทั้งกล่าวหานักดำนำ้ Hero ท่านนั้นว่าเป็นพวก 'ใคร่เด็ก' ถึงตรงนี้ภาษาไทยเรียกว่าวงแตก ไม่รู้ว่า CEO ทำไมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนให้ได้ดีกว่านี้

พวกเราทุกคนคงทราบว่านี้เป็นเหตุการณ์จริง ที่ทราบเพราะว่านี้เป็นเรื่องราวระดับโลก แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจจะไม่รู้คือพวกเราทุกคนมีสิ่งที่เรียกว่า ด้านมืด หรือ Dark-Side ด้านมืดไม่ได้มาบ่อยๆแต่ถ้าเราอยู่ภายไต้สถานกาณ์ที่กดดัน Dark-Side จะออกมาเองโดยเราไม่รู้ตัว ควบคุมไม่ได้ ผู้บริหารเก่งๆส่วนมากพังเพราะ Dark-Side โดยที่เราไม่ได้ตระหนักว่าความเสี่ยงของเราคืออะไร เราจะระวังได้อย่างไร หรือเราจะมีวิธีรับมือกับ Dark-Side อย่างไร หลายองค์กรเลือกที่จะหา Coach ให้กับผู้บริหาร ดังนั้นเราขอถามกลับว่าในกรณีนี้ Coach จะตั้งคำถามอะไร อะไรที่ทำให้ Coach เชื่อว่าผู้บริหารที่มีความมั่นใจขนาดนี้จะยอมรับและเปิดใจในการทำ Coaching หลายครั้งการทำ Coaching เป็นแค่เพียงการจำกัดผลกระทบของหายนะ (Damage Control) มากกว่าการแก้ปัญหาที่ต้นตอ

สิ่งที่ผู้บริหารท่านนี้จำเป็นที่ต้องได้รับเป็นสิ่งที่ทางจิตวิทยาเรียกว่า Strategic Self-Awareness หมายถึงการรู้จักตอนเองและสามารถรับมือกับ Dark-Side ของตอนเองได้อย่างเหมาะสม ผู้บริหารท่านนั้นต้องการข้อมูลและหลักวิชาที่สามารถโน้มน้าวผู้บริหารให้เข้าใจเรื่อง Dark-Side ของตนเอง และวิธีที่สามารถรับมือได้อย่างเหมาะสม ซึ่งหนึ่งในความเป็นไปได้คือเอาตัวเองออกสถานการณ์ก่อนที่แสดงพฤติกรรมอะไรบ้างอย่างที่เราจะเสียใจในภายหลัง สิ่งที่ CEO ท่านนั้นต้องทำคือรู้แล้วว่าเรากำลังเข้า Dark-Side ดังนั้นต้องวางมือถือลง อย่าโต้ตอบเวลาโกรธ ยอมรับกับเสียงวิภาควิจารณ์โดยไม่โต้ตอบ เป็นที่ชัดเจนว่าสิ่งที่ผู้บริหารท่านนั้นมีคือคุณสมบัติในเรื่อง ความกล้า (Bold) ข้อดีคือ ชอบความท้าทายและชอบงานยากๆ แต่เมื่อกลายเป็น Dark-Side ความกล้า จะกลายเป็นคนที่ชอบเผชิญหน้าเพื่อที่จะหาผู้ชนะและไม่สามารถยอมรับคำวิจารณ์ด้านลบได้

ทุกปี ADGES ได้นำ Strategic Self-Awareness Coaching มาใช้กับผู้บริหารระดับสูงและได้รับผลตอบรับที่ดีมากกว่าจะใช้การถามตอบแบบ Coaching แต่เพียงอย่างเดียว หลายครั้ง ADGES นำเอาแบบประเมิน 360 ที่มีข้อมูลเปรียบเทียบกับบริษัทชั้นนำในระดับโลกมาเปรียบเทียบจุดแข็ง จุดอ่อนของผู้บริหาร เพื่อสร้าง IDP (Individual Development Plan) ที่เหมาะสม

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ marketing@adges.net หรือ 088-028-1111

30 views0 comments
bottom of page