Adam Alter ผู้เขียนหนังสือ ''Irresistible'' ให้ความเห็นว่าพนักงานควรให้ความสำคัญกับบริษัท มากกว่ากลายเป็นผู้เสพติดเทคโนโลยี เขาเชื่อว่าองค์กรต่างๆ ควรเรียกเก็บภาษีจากบริษัทเทคโนโลยีทั้งหลายรวมถึง Facebook เนื่องจากทำให้ประสิทธิภาพการทำงานในองค์กรลดลง
Adam ยกตัวอย่างบริษัทผลิตรถยนต์ในประเทศเยอรมัน ระหว่างพนักงานของพวกเขาลาพักร้อน จะไม่มีการเช็กอีเมลรวมถึงมีการลบอีเมล์งานออกไปโดยอัตโนมัติเพื่อให้พวกเขาได้ใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ เมื่อพวกเขากลับมาทำงานอีกครั้ง จึงมาพร้อมกับพลังที่เต็มเปี่ยมและสามารถสร้างสรรค์งานที่มีประสิทธิภาพที่สุดได้ ในขณะเดียวกัน แม้จะเป็นช่วงวันทำงาน แต่หากเราเข้าไปเช็กข้อความหรือข่าวสารต่างๆ ใน Facebook แค่เพียงครั้งละ 10 นาทีต่อวัน อาจทำให้องค์กรหรือแม้กระทั่งประเทศสูญเสียผลลัพธ์ที่ควรได้ไปหลายล้านดอลลาร์ และ Facebook ก็ควรจ่ายภาษีที่เป็นมูลค่าเท่าเทียมกัน
นี่เป็นหนึ่งในตัวอย่างของการที่เทคโนโลยีเข้ามามีผลกระทบสำคัญต่อการทำงานของคนในองค์กรจนทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานและผลลัพธ์ที่บริษัทควรได้ลดลง พฤติกรรมการติดโซเชียลมีเดียนั้นส่งผลกระทบกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสมาธิในการทำงาน อารมณ์ รวมถึงการให้ความสำคัญกับงานที่ลดลง Adam จึงเห็นว่า Facebook และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีโซเชียลมีเดียต่างๆ ควรออกมาชดเชยสิ่งที่องค์กรทั่วไปสูญเสียจากการที่พนักงานในบริษัทเสพติดเทคโนโลยีและโลกโซเชียลในระหว่างการทำงาน
เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ดี ส่วนแอปพลิเคชั่นอย่าง Facebook ก็ทำให้เราสามารถรับรู้ข่าวสารได้รวดเร็วและสื่อสารกันได้สะดวกขึ้น แต่จากบทความนี้เราอาจต้องกลับมาทบทวนอีกครั้งว่า การที่เราให้สื่อโซเชียลเข้ามายึดครองเวลาในชีวิตมากเกินไป รวมถึงระหว่างการทำงานนั้นเป็นเรื่องที่ดีจริงหรือไม่? หรือองค์กรทั้งหลายควรหันมาพิจารณาปัญหานี้อย่างจริงจังอีกครั้ง เช่นเดียวกับสิ่งที่ Adam Alter ให้ความเห็นไว้