แบรนด์ชั้นนำของโลกอย่าง Apple และ IKEA นั้น นำแนวคิดการออกแบบ (Design thinking) มาเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างแบรนด์ที่ทำให้คนทั่วโลกต่างหลงรัก ทำให้เราเห็นว่าการออกแบบผลิตภัณฑ์โดยเน้นมนุษย์เป็นจุดศูนย์กลาง สามารถบอกเล่าเรื่องราว สร้างความแตกต่าง อีกทั้งยังเป็นตัวกลางที่ช่วยให้แบรนด์สามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้ ทำให้พวกเขาเข้าใจว่าตัวเองมีปัญหาอะไรและต้องการอะไรจากแบรนด์ แทนที่จะเน้นไปที่การขายเพียงอย่างเดียว
ทำไมและอะไรอยู่เบื้องหลังแนวคิดการออกแบบ (Design thinking)
แนวคิดการออกแบบ (Design thinking) คือ หนึ่งในเครื่องมือที่เราสามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาที่มีความยากและซับซ้อนได้ เป็นกระบวนการที่ลดขั้นตอนลง แต่เน้นแนวความคิด จิตใจ และการปฏิบัติมากขึ้น โดยไม่เน้นลำดับกระบวนการที่เคร่งครัด
แทนที่จะเริ่มต้นด้วยประโยคอย่างเช่น “เราสามารถขายสินค้า X ให้ทำเงินได้มหาศาล” แนวคิดแบบ Design thinking จะเริ่มจากหัวใจหลักของศักยภาพในการใช้งานหรือความต้องการของผู้บริโภคที่แอบซ่อนอยู่ และใช้สิ่งเหล่านั้นเพื่อนำมาเป็นแนวคิดในการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการ
ทำไมนักการตลาดควรสนใจแนวคิดการออกแบบ
การตลาดที่ประสบความสำเร็จนั้นต้องสัมผัสหัวใจและจิตวิญญาณของผู้คน แทนที่จะทำการวิจัยที่เต็มไปด้วยตัวเลข ลองจินตนาการว่าคุณได้รับข้อมูลเชิงคุณภาพจากการออกแบบซึ่งมาจากการเอาใจใส่ลูกค้าที่มีศักยภาพ คุณเข้าใจว่าพวกเขาไม่ใช่แค่จ่าย เงินเพื่อบางสิ่ง แต่ทำไมพวกเขาต้อง ซื้อมัน
องค์ประกอบสำคัญอีกอย่างของ Design thinking ก็คือการบอกเล่าเรื่องราว (Storytelling) ซึ่งสามารถสร้างข้อความที่เราต้องการสื่อเกี่ยวกับความต้องการของมนุษย์ในผลิตภัณฑ์นั้น และเพื่อเชื่อมโยงกลุ่มเป้าหมายของคุณอย่างลึกซึ่งยิ่งขึ้น ส่งผลกระทบกับอารมณ์ของพวกเขายิ่งขึ้น
Coca-Cola และ Volkswagen ผสานแนวคิดการออกแบบเข้ากับการเล่าเรื่อง (Storytelling) ของพวกเขาได้อย่างไร
Coca-Cola
หนึ่งในแคมเปญที่น่าสนใจของ Coca-Cola คือ Happiness Machine โฆษณาซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์และความเป็นจริงอย่างที่สุด ภาพจำลองของเครื่องจำหน่ายโค้กอัตโนมัติที่ส่งขวดโค้กเกินจำนวนไปจนถึงสิ่งของแปลกๆ ให้กับบรรดานักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง จนเป็นที่มาของความประหลาดใจและความสนุกสนาน ภาพของรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเหล่านั้น ช่วยสร้างความสุขให้กับทุกคนที่ได้ชมโฆษณาชิ้นนี้
Volkswagen
หนึ่งในแคมเปญตัวอย่างของโฟล์ค คือ Volkswagen's Fun Theory ภาพของผู้คนในเมืองใหญ่ที่เกือบ 100% เลือกขึ้นบันไดเลื่อนจากสถานีรถไฟใต้ดินมากกว่าบันไดธรรมดา คำถามที่สร้าง Impact จากโฟล์ค คือ “เราจะสามารถทำให้ผู้คนเลือกใช้บันไดธรรมดาโดยทำให้พวกเขาสนุกไปกับมันได้ไหม” การเปลี่ยนแปลงเริ่มขึ้นเมื่อทีมงานทำให้บันไดธรรมดากลายเป็นคีย์เปียโนและมีเสียงดนตรีทุกครั้งที่มีคนเหยียบในแต่ละขั้น แนวคิดนี้ได้ผล ผู้คนกว่า 66% เลือกใช้บันไดเปียโนมากกว่าขึ้นบันไดเลื่อน สีหน้าและท่าทางของพวกเขาบ่งบอกถึงความสนุกเมื่อได้เลือกบันไดเปียโน ทำให้ผู้รับชมโฆษณายิ้มตามและมีความสุขไปด้วยเช่นกัน
เข้าใจหลักแนวคิดการออกแบบและความสำคัญของการคิดด้วยภาพ (Visual thinking) เพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายทุกระดับอย่างมีศักยภาพ ด้วย Visual Thinking Public Program Workshop จาก ADGES ร่วมกับ Brand Academy สถาบันชั้นนำระดับโลกด้าน Visual Communication ในวันที่ 17 มกราคม 2562 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.adges.net/visualthinking