Brian Scudamore ผู้ก่อตั้งและ CEO ของธุรกิจ 1-800-GOT-JUNK?, You Move Me และ Wow 1 Day Painting ให้เครดิตกับเทคนิคการใช้ข้อมูลรูปภาพ (Visualization) ที่ช่วยทำให้แบรนด์ของเขากลายเป็นธุรกิจที่มีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และนี่คือเรื่องเล่าจากชายเจ้าของธุรกิจหนึ่งร้อยล้าน
ในช่วง 18 ปีที่ผ่านมาผมได้สร้างบริษัทกำจัดขยะในแวนคูเวอร์ที่มีชื่อว่า 1-800-GOT-JUNK? และทำให้มันกลายเป็นบริษัทข้ามชาติมูลค่ากว่าร้อยล้านเหรียญ แต่ความสำเร็จนี้อาจไม่เกิดขึ้นหากไม่มีการวาดภาพข้อมูลง่ายๆ ระหว่างที่ผมนั่งอยู่ที่ท่าเรือนอกกระท่อมฤดูร้อนของพ่อแม่
มันเป็นวันสิ้นปีค.ศ.1997 และผมรู้สึกหดหู่อย่างมาก 1-800-GOT-JUNK? มีอายุ 8 ปีและเข้าสู่ช่วงที่แย่ที่สุดหลังเติบโตจนมีมูลค่า 1 ล้านเหรียญ แต่ดูเหมือนผมจะทำให้มันแตกต่างไปมากกว่านี้ไม่ได้ ผมไม่มีวุฒิการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยหรือเงินจำนวนมาก นั่นทำให้ผมคิดว่ตัวเองอาจไม่เหมาะกับการทำธุรกิจ
แต่มุมมองของผมก็เปลี่ยนไป แทนที่จะกังวลกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ผมเริ่มหลับตาและจินตนาการภาพในหัวว่า ต้องการให้ 1-800-GOT-JUNK? เป็นอย่างไร ให้ความรู้สึกอย่างไร และมีการกระทำแบบไหนภายในปี 2002
ผมเห็นภาพที่แตกต่างออกไปได้อย่างไร
ในตอนแรกผมอยากได้ข้อมูลทุกอย่างแบบละเอียดที่สุด จึงเปลี่ยนภาพวาดเป็นเอกสาร ปริ้นท์ใส่กรอบและแปะไว้ข้างฝา เพื่อให้ทุกคนในสำนักงานได้เห็น
ความสำเร็จที่วาดไว้ไม่ใช่แค่เรื่องการขยายแฟรนไชส์หรือเพิ่มจำนวนรถบรรทุก แต่ยังรวมถึงรายละเอียดอื่นๆ เช่น พนักงานจะอธิบายถึงตัวบริษัทให้ครอบครัวพวกเขาฟังอย่างไร และอะไรคือสิ่งที่ลูกค้าจะพูดถึงเมื่อพวกเขาบอกว่ารักการทำงานร่วมกับเรา
ห้าปีหลังจากนั้นสิ่งที่ผมวาดภาพเอาไว้กว่า 96% ได้ผล! แม้แต่ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นก็คือการได้ออกรายการ Oprah Winfrey Show ซึ่งทำให้ผมได้แบ่งปันเทคนิคนี้กับคนอีกหลายพันคน
วิทยาศาสตร์กับเทคนิคข้อมูลภาพ (Visualization)
มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่เผยว่า การตั้งเป้าหมาย วิสัยทัศน์ หรือความรับผิดชอบออกมาในรูปแบบของภาพ มีแนวโน้มจะทำให้เราประสบความสำเร็จได้มากขึ้นและทำได้จริง นอกจากนี้ สิ่งที่วิทยาศาสตร์กล่าวเกี่ยวกับ Visualization ยังมีอีกหลายประการ ได้แก่
1. นึกภาพ แล้วจึงวางแผน
นักวิทยาศาสตร์แนะนำว่าการทำเป้าหมายให้สำเร็จนั้นต้องอาศัยทั้งการวาดภาพและการวางแผน ควรทำทั้งสองอย่างควบคู่กันไปเพื่อให้เราทำตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
2. การมีวิสัยทัศน์มีความสัมพันธ์อย่างมากกับการเติบโตของบริษัท
การศึกษาผู้ที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจหลายสิบชิ้นเผยว่า จุดร่วมหลักที่พวกเขามีก็คือการมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน บริษัทที่มีผู้นำวิสัยทัศน์ชัดเจนนั้นมีแนวโน้มเติบโตได้ดีกว่าบริษัทอื่นถึง 2 เท่า
3. เรื่องราว (ผ่านการบอกเล่าด้วยภาพอนาคต) เปลี่ยนแนวคิดของเรา
การเปลี่ยนเป้าหมายนามธรรมที่จับต้องยากให้กลายเป็นรูปภาพหรือวิดีโอนั้นเหมาะสมกับวิถีของมนุษย์มากกว่า เพราะพวกเราจะสามารถจดจำเรื่องราวเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น ทำให้รู้สึกว่าสามารถจับต้องได้ กำหนดแนวทางที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ อีกทั้งยังช่วยลดความกลัวหรือแนวคิดด้านลบ รวมถึงช่วยให้เราสนใจกับเป้าหมายเหล่านั้นมากขึ้นกว่าเดิม
4. การกำหนดรายละเอียดของอนาคตทำให้เราสามารถจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำง่ายขึ้น
ปัจจัยที่ทำให้เราประสบความสำเร็จคือเลิกสนใจความสุขระยะสั้น และใส่ใจการรางวัลชีวิตในระยะยาวแทน การกำหนดรายละเอียดสิ่งที่เราต้องการในอนาคต จะช่วยให้เราจัดลำดับความสำคัญได้ง่ายขึ้นว่าควรทำอะไรก่อนหรือหลัง และไม่หลงใหลไปกับความสุขชั่วครู่ที่อาจทำให้เกิดผลเสียตามมา
5. แบ่งปันวิสัยทัศน์ของคุณเพื่อให้แรงกดดันกลายเป็นแรงผลักดัน
การแบ่งปันเป้าหมายร่วมกับคนอื่นจะทำให้เรารู้สึกกดดันตัวเองมากขึ้น จากนั้นทำให้มันกลายเป็นแรงผลักดันเพื่อก้าวไปสู่จุดมุ่งหมายที่วางไว้
6. ทบทวนเป้าหมายทุกวัน ยิ่งทำให้คุณรักมันยิ่งขึ้น
การกลับมาทบทวนเป้าหมายทุกๆ วันยิ่งทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นและอยากทำสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น นั่นก็เพราะการมองเห็นภาพความสำเร็จที่มีแนวโน้มดีขึ้นและมีการพัฒนามากขึ้นนั่นเอง
วิธีการวาดภาพ (Visualization)
แค่หยิบสมุดสักเล่ม หาที่เงียบสงบ แล้วลองนึกภาพตัวเองในอีกห้าปีข้างหน้าว่า คุณมองเห็นตัวเองเป็นแบบไหน คุณกำลังทำอะไร หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน และนั่นคือสิ่งที่คุณอยากเป็นหรือไม่ จากนั้นวาดภาพสิ่งที่คุณต้องการออกมาลงในสมุด ไม่จำเป็นต้องสวยแต่ให้เราเห็นว่านั่นคือเป้าหมายของเราในอนาคต
คุณเองก็ประสบความสำเร็จด้วยการใช้เทคนิคสร้างข้อมูลภาพ (Visualization) ได้ ด้วยหลักสูตรอบรมจาก ADGES สนใจสอบถามข้อมูล e-mail: marketing@adges.net หรือ 6688-028-1111 หรือเว็บไซต์ https://www.adges.net/