top of page
Writer's pictureADGES

5 ปัจจัยจาก Google เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทีม

อะไรคือสิ่งที่ทำให้ทีมยอดเยี่ยม?

4 ปีก่อน Google เผยว่าพวกเขามีคำตอบ โดยกล่าวว่าบุคลิกภาพประเภทต่างๆ ของสมาชิกไม่สำคัญเท่าการกำหนดกรอบที่ชัดเจนเพื่อการสนับสนุนทีม

Abeer Dubey หัวหน้าทีมวิจัย People Analytics ของ Google ให้สัมภาษณ์กับ New York Times ว่า

“เรามีข้อมูลจำนวนมาก แต่ไม่มีอะไรแสดงให้เห็นว่าการผสมผสานบุคลิกภาพ ทักษะหรือภูมิหลังจะสร้างความ

แตกต่าง ตัวแปร ‘บุคคล’ ในสมการดูเหมือนจะไม่สำคัญไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร”

แต่บทความล่าสุดของ Harvard Business Review (HBR) กลับไม่เห็นด้วยกับ Google เพราะคิดว่าบุคลิกภาพยังเป็นหนึ่งในกุญแจการสร้างทีมที่ยอดเยี่ยม

หัวหน้าทีม Hogan X แพลทฟอร์มเพื่อการสร้างโปรไฟล์และศาสตราจารย์ Tomas Chamorro-Premuzic หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ประจำ ManpowerGroup กล่าวในบทความว่า งานวิจัยของ Google ขัดแย้งกับแนวคิดที่ว่าความสำเร็จของทีมขึ้นอยู่กับความฉลาดทางอารมณ์และการสื่อสารที่ดี

“สูตรของ Google ที่ว่าการเป็นคนดีและมีส่วนร่วมนั้น เป็นเรื่องยากที่จะทำมันให้สมบูรณ์แบบ” พวกเขากล่าว “บางทีสิ่งที่น่าแปลกกว่าก็คือ การวิจัยของ Google บ่งบอกว่าคนในทีมนั้นไม่มีเกี่ยวข้องกัน”

นั่นอาจเป็นเรื่องจริงสำหรับการทำงานที่ Google ซึ่งเป็นบริษัทที่ผู้คนได้รับการคัดเลือกจากพื้นฐานบุคลิกภาพรายบุคคล (หรือที่เรียกกันว่า Googiness) แต่การค้นพบนี้ไม่สอดคล้องกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มุมกว้างซึ่งบ่งชี้อย่างชัดเจนว่าบุคลิกภาพของบุคคลมีบทบาทสำคัญต่อประสิทธิภาพของทีม

“ความสำเร็จในการผสมผสานทักษะ ประสบการณ์และบุคลิกภาพ เป็นกุญแจสำคัญในการทำงานเป็นทีม นอกจากนี้ยังส่งผลต่อความพึงพอใจของพนักงาน หากส่วนผสมเหล่านี้ไม่ถูกต้องทีมอาจล้มเหลวได้”

แต่ Google เองก็มีปัจจัยที่นำไปสู่การสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพ 5 ปัจจัย ด้วยกัน นั่นก็คือ

ปัจจัยที่ 1 Psychological safety : ให้อำนาจในการมีส่วนร่วมแก่สมาชิกทีม โดยพวกเขาไม่ต้องรู้สึกกลัวความผิดพลาด

ปัจจัยที่ 2 Dependability : สมาชิกทีมสามารถพึ่งพากันและกันเพื่อทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบของแต่ละคน

ปัจจัยที่ 3 Structure and clarity : ทีมมีโครงสร้าง บทบาท และเป้าหมายที่ชัดเจน

ปัจจัยที่ 4 Meaning : ความหมายของวัตถุประสงค์ของทีมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพทีม

ปัจจัยที่ 5 Impact : ความเชื่อมั่นว่างานของทีมช่วยสร้างความแตกต่างให้กับเป้าหมายขององค์กรและจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง

ทำความเข้าใจบุคลิกภาพ

มีเครื่องมือทางจิตวิทยามากมายที่จะช่วยให้ผู้นำเข้าใจลักษณะทั่วไปของสมาชิกทีมแต่ละคนเพื่อให้พวกเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

หนึ่งในนั้นคือ Myers-Briggs Type Indicator ที่ได้รับการพัฒนาตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 โดย Katharine Cook Briggs และ Isabel Briggs Myers ตามแนวคิดของจิตแพทย์ชาวสวิสเซอร์แลนด์ Carl Jung พวกเธอสร้างเครื่องมือที่กำหนดลักษณะบุคลิกภาพของแต่ละบุคคลโดยใช้ตัวบ่งชี้ 4 ประเภท

หากผู้คนมีความเข้าใจบุคลิกลักษณะของเพื่อนร่วมงานดีขึ้นพวกเขาจะสามารถดึงจุดแข็งของเพื่อนร่วมทีมออกมาใช้งานได้เป็นอย่างดี

บทบาทของผู้นำธุรกิจ

Bernadette Wightman กรรมการผู้จัดการฝ่าย Global Service ของ BT Group เน้นถึงบทบาทของผู้นำธุรกิจในการสร้างทีมที่แข็งแกร่ง จากการพูดในการประชุมประจำปี World Economic Forum ที่เมืองดาวอสในปีนี้ เธอกล่าวว่า ผู้นำจะถูกประเมินคุณค่าจากคุณภาพของทีมของพวกเขาเอง

ผู้นำจะต้องฝึกสอนและให้คำปรึกษาแก่ทีมและอาจเลี่ยงการพูดคุยหากพวกเขาต้องการเพิ่มการมีส่วนร่วม “ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนเราก็สามารถสร้างทีมที่แข็งแกร่งได้ ในฐานะผู้นำเรามีความรับผิดชอบในการดึงดูดผู้คนที่ดีที่สุดในการสร้างทีมที่ยิ่งใหญ่มากกว่าโฟกัสไปที่แต่ละชิ้นส่วนเท่านั้น” เธอกล่าว

เรียนรู้การสร้างทีมที่แข็งแกร่ง และเพิ่มประสิทธิภาพให้สมาชิกทีมด้วยหลักสูตรการอบรมจาก ADGES สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ e-mail: marketing@adges.net หรือ 6688-028-1111 หรือเว็บไซต์ https://www.adges.net/

10 views0 comments
bottom of page